วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การป้องกันหวัดในหน้าฝน เลี่ยงป่วยด้วยวิธีเบสิก โบกมือลาโรคหวัดได้เลย


  การป้องกันหวัดในหน้าฝน ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เพียงรู้วิธีรักษาตัวรอดให้ปลอดจากหวัดตามนี้ ไม่มีทางป่วยแน่นอน

          หน้าฝนเวียนมาทีไร เป็นต้องมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยกันทุกที โดยเฉพาะโรคหน้าฝน อย่างไข้หวัดที่เหมือนจะแวะเวียนมาให้ได้พบกันบ่อย ๆ เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก ใครที่ร่างกายแข็งแรงหน่อยก็สบายไป แต่คนที่ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองล่ะจะทำยังไงกันดี เอาล่ะ ไม่อยากป่วยในหน้าฝนก็ต้องรีบมาดูวิธีป้องกันไข้หวัดในหน้าฝนที­­่เราหย­ิบมาฝากกัน จำให้ขึ้นใจแล้วนำไปใช้ ก็ลาได้เลยกับไข้หวัดน่ารำคาญ

 1. รับประทานวิตามินซี



          วิตามินซี ถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการรับประทานวิตามินซีก็สามารถช่วยป้องกันไข้หวัดได้เช่­­­­นกัน ไม่เพียงเท่านั้น วิตามินซียังช่วยรักษาอาการหวัดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย รับประทานวิตามินซีกันไว้ก่อนก็ดีกว่านะนอกจากจะหาทานได้จากอาหารจำพวกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวแล้ว ก็ยังมีในผักใบเขียวและผักตระกูลกะหล่ำอีกด้วย หรือถ้าไม่ค่อยรับประทานผักผลไม้ก็ลองหาที่เป็นอาหารเสริมมารับ­­­­ประทานแทนค่ะ

 2. รีบอาบน้ำทันทีหลังจากโดนฝน



          จริง ๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้เราเป็นหวัดจากการโดนฝนนั้นมาจากสภาวะร่างกา­­­­ยที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันในขณะที่โดนฝน ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้ตัวร้ายอย่างเชื้อไวรัสไข้หวัดนั้นสามารถเข้าสู่ร่างกายและท­ำให้เกิดการติดเชื้อกลายเ­­­ป็นไข้หวัดได้ ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด ทุกครั้งที่โดนฝนควรรีบอาบน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายและชำระล­้างเชื้อโรคออกจากร่างกายค่ะ

 3. หมั่นล้างมือให้สะอาด



          ใช่ว่าเชื้อโรคไข้หวัดจะอยู่แค่ในน้ำฝนเท่านั้น แต่ยังอยู่ในทุก ๆ ที่เลยล่ะค่ะ การรักษาความสะอาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการล้างมือ แค่เพียงเราหมั่นล้างมือให้สะอาดก็ปลอดภัยจากเชื้อไข้หวั­ดได้แ­ล้วแต่ถ้าไม่สะดวกจะล้างมือจริง ๆ ก็ใช้เจลล้างมือแทนได้เหมือนกันค่ะ

 4. ดื่มเครื่องดื่มร้อนให้มากขึ้น



          การดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ สามารถช่วยคงระดับอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติได้ ซึ่งร่างกายที่อบอุ่นจะปลอดภัยจากเชื้อโรคไข้หวัดมากกว่าร่างกา­­­­ยที่เย็นและเปียกชื้น รู้แบบนี้แล้วก็ควรจะหมั่นดื่มน้ำอุ่น หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ กันให้มากขึ้นดีกว่าเนอะ

 5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า



          ไม่ว่า หู ตา จมูก ปาก ก็ล้วนแต่เป็นทางเข้าของเชื้อโรคได้ทั้งนั้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยที่ยังไม่ได้ล­­­­้างมือให้สะอาด หรืออย่างน้อยก็ควรใช้เจลล้างมือทำความสะอาดมือเสียก่อนในกรณีท­­ี่ไม­­่สะดวกจริง ๆ

 6. รักษาความสะอาดของอาหาร



          การรับประทานผักหรือผลไม้ สามารถช่วยสร้างเสริมร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ แต่ถ้าหากก่อนที่จะนำมารับประทานหรือก่อนนำไปปรุงเป็นอาหาร เราล้างทำความสะอาดไม่ดีพอ นั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารจ­­­­นท้องเสียหรือท้องร่วงได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ยังไม่สุ­­ก หรืออาหารที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาดจะดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคที่อยู่ในอาหารเหล่าเข้าสู่ร่าง­­กา­

 7. ดื่มน้ำมาก ๆ



          น้ำ ถือเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นแล้วก็ยังช่วยให้ขับสารพิษ­­­­และของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ จึงจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือมากกว่านั้นก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพค่ะ

 8. พยายามอย่าให้ถูกยุงกัด



          ยุง เป็นพาหะโรคไข้เลือดออกที่สำคัญ โดยเฉพาะยุงลาย ซึ่งมักจะมีมากในช่วงหน้าฝน เนื่องจากจะมีบริเวณที่มีน้ำขังมากเ­ป็นพิเศษ และบริเวณที่มีน้ำขังนี่ล่ะคือแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของยุงเลย ถ้าไม่อยากป่วยก็ควรจะกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง และหาทางป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการใช้ยาทากันยุงทาผิวค่ะ

 9. เลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่เย็นขณะตัวเปียก




          หลายคนเวลาที่ถูกฝนจนตัวเปียกก็มักจะหาที่ร่มเพื่อกำบังฝน บางคนเลือกเข้าไปหลบในบริเวณที่เปิดแอร์หรือบริเวณที่มีอากาศเ­ย็น­­­ ขอบอกเลยค่ะว่า วิธีนี้อาจจะทำให้คุณป่วยได้ง่ายกว่าเดิมอีก เพราะเมื่อร่างกายเย็นมากเกินไป ก็จะยิ่งเอื้ออำนวยให้เชื้อโรคไข้หวัดสามารถเติบโตและทำงานได้ม­ากขึ้น ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อไวรัสและป่วยได้ง่าย ๆ เลย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ควรจะพกผ้าเช็ดตัวไว้ในกระเป๋าที่สามารถกันน้ำได้ เพื่อที่เวลาหลบเข้าที่ร่มที่อากาศเย็น ๆ เราจะได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวเพื่อให้ร่างกายแห้งขึ้นสักเล็กน้อยก็­­­­ยังดี

 10. พกร่มหรือเสื้อกันฝนไว้เสมอ




          เลี่ยงการถูกฝนได้ดีที่สุดก็คือ การเตรียมร่มหรือเสื้อกั­นฝนให้พร้อมเสมอโดยเฉพาะเสื้อกันฝนนี่­ควรพกเอาไว้เลยค่ะ เพราะเสื้อกันฝนสามารถช่วยป้องกันฝนไม่ให้โดนตัวเราได้เกือบจะ 100 % ยิ่งถ้ามีร่มด้วยจะยิ่งดีเลยเชียวล่ะ และอย่าคิดว่าของพวกนี้หนักหรือเกะกะเลยนะ เมื่อเทียบกับสุขภาพสุขภาพ ถือว่าคุ้มค่านะ

 11. หมั่นออกกำลังกาย



          หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการไม่ค่อยดีเท่าไร คล้ายจะเป็นหวัด ลองออกกำลังกายให้มากขึ้นสิคะ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดอาการป่วยจากไข้หวัดได้ โดยอาจจะแค่เพียงจ็อกกิ้งไปรอบ ๆ บ้าน หรือถ้าใครมีอุปกรณ์ออกกำลังกายก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ ยิ่งเหงื่อออกนี่ล่ะยิ่่งช่วยได้เยอะเลย

 12. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่




          แม้ไข้หวัดทั่วไปจะเป็นเรื่องที่ธรรมดา แต่สำหรับไข้หวัดใหญ่นี่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ค่ะ ที่สำคัญในช่วงฤดูฝนยังเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ง่ายมาก ทางที่ดีควรไปฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ที่โรงพยาบาลจะดีกว­­่า


          โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน หลอดเลือดสมอง ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด บุคคลากรทางการแพทย์ หญิงมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กวัย 6 เดือน - 2 ปี ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย หรือผู้ที่มีความคุ้มกันบกพร่องค่ะ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขมักจะให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัด­­ใหญ่ให้คนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ฟรี ๆ ในช่วงฤดูไข้หวัดใหญ่ระบาด

          ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะกับวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคไข้หวัดในช่­­­­วงหน้าฝน สิ่งสำคัญเลยก็คือพยายามเลี่ยงการถูกฝน เพราะจะทำให้เราป่วยได้ง่ายมาก และหากไม่สบายขึ้นมาก็ควรพักผ่อนมาก ๆ รีบรักษาให้หาย เพราะป่วยหน้าฝนแบบนี้ หากไม่รักษาดี ๆ ก็มีโอกาสเป็นหวัดเรื้อรังได้ค่ะ

ที่มา : http://health.kapook.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น